วันเสาร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2554

ประวัติไอศครีม


         
         จุดเริ่มต้นของไอศกรีมในระดับสากล นายโทมัส อาร์ควินนี่ เล่าว่า การรับประทานไอศกรีมน่าจะเริ่มต้นกันมาตั้งแต่สมัยจักรพรรดิเนโรห์ แห่งอนาจักรโรมันที่ได้พระราชทานเลี้ยงไอศกรีมแก่เหล่าทหารหาญที่อยู่ในกองทัพของพระองค์ แต่ในขณะนั้นไอศกรีมเกิดจากเป็นการนำหิมะมาผสมเข้ากับน้ำผึ้งและผลไม้ ต่อมาเรียกไอศกรีมประเภทนี้ว่า เชอร์เบ็ท(Sherbet)นั่นเอง แต่ตำนานนี้ก็หาได้เป็นแค่ตำนานเดียวที่เล่าสืบต่อกันมาถึงต้นกำเนิดของไอศกรีมไม่
หากแต่บางกระแสก็ระบุว่าบรรพชนของคนจีนค้นพบไอศกรีมเป็นครั้งแรก เมื่อประมาณ 4,000 ปีที่ผ่านมา ซึ่งลักษณะของไอศกรีมในประเทศจีนทำมาจากข้าวบดผสมกับนมสดที่เย็นจนเป็นนำแข็งและได้มีการสอนให้ทำไอศกรีมให้กับคนอินเดียและชาวเปอร์เชียอีกด้วย การก่อกำเนิดไอศกรีมตามตำนานประเทศจีนระบุว่า เป็นเรื่องของความบังเอิญแท้ๆ
ทั้งนี้เป็นที่ทราบกันดีว่าประเทศจีนในสมัยนั้นเพิ่งจะมีการรู้จักรีดนมจากสัตว์เลี้ยงที่อยู่ในฟาร์ม เมื่อรีดออกมาจำนวนมากก็บริโภคไม่หมด ประกอบกับน้ำนมเป็นสินค้าที่มีราคาแพงมากๆ คนชั้นสูงเห็นท่าไม่ดีจึงเกิดแนวคิดนำน้ำนมไปหมกซ่อนไว้ในหิมะนัยว่าเพื่อต้องการที่จะถนอมน้ำนมเอาไว้รับประทานได้นานๆ

ไอศครีมชาเขียว

ไอศครีมที่น่ากิน




นิทานน่ารู้

นิทานพื้นบ้านอีสาน
กุดนางใย-มหาสารคาม

          ครั้งโบราณที่บริเวณแหล่งน้ำนี้มีครอบครัวหนึ่งตั้งบ้านเรือนอาศัยอยู่ มีแม่และลูกชาย ภายหลังได้ลูกสะใภ้มาอยู่ร่วมกัน มาวันหนึ่งลูกชายไปค้าขายทางไกล แม่และลูกสะใภ้อยู่ บ้านเพียง ๒ คน คืนหนึ่งแม่ผัวสังเกตเห็นว่าที่ห้องนอนของ ลูกสะใภ้จุดตะเกียงตลอดคืน ซึ่งเป็นการผิดธรรมเนียมโบราณ กล่าวคือเมื่อเข้านอนต้อง ดับตะเกียง คืนหนึ่งแม่ผัวสงสัยจึงไปแอบดูว่าลูกสะใภ้ทำอะไรอยู่ในห้อง และเห็นว่า ลูกสะใภ้กำลังสาวใยไหม ออกจากปากตัวเองมาม้วนเข้าฝัก จึงเกิดความหวาดกลัวนึกว่า สะใภ้เป็นภูตผีปีศาจ จึงนำความไปเล่าให้เพื่อนบ้านฟัง คืนต่อมาแม่ผัวและเพื่อนบ้านจึงมาแอบด ูเพื่อจับผิดลูกสะใภ้ ในที่สุดได้จู่โจมเข้าไปในห้องขณะที่ลูกสะใภ้กำลังสาวไหมออกจากปาก จึงซักถามว่าเป็นใครมา จากไหน เป็นภูติผีปีศาจหรือเปล่า ทำให้ลูกสะใภ้อับอาย จึงหนีออกจากบ้านและโดดลงในลำน้ำนั้นหายไป เมื่อลูกชายกลับมาและรู้ความจริงว่าภรรยาโดดน้ำตาย ณ ที่แห่งนั้นจึงได้แต่ เศร้าโศกเสียใจ เมื่อถึงคืน เดือนหงายจะไปนั่งริมลำน้ำแห่งนี้ และจ้องมองลงไปในสายน้ำ นาน ๆ เข้าก็มองเห็นภรรยาในสายน้ำนั้น และสาวใยไหมออกจากปาก ต่อมาที่แห่งนี้จึงได้ชื่อว่ากุดนางใย (ใยหมายถึงใยไหม)
คติ/แนวคิด
๑. เป็นอุทาหรณ์สอนใจว่า การจะลงโทษใครอย่าผลีผลาม ควรถามสาเหตุและเหตุผลข้อเท็จจริงก่อน
๒. นามของสถานที่ส่วนใหญ่จะมีนิทาน ตำนานประกอบและเป็นที่มาของชื่อสถานที่นั้น ๆ


ประวัติความเป็นมาของขนมไทย



ภาพ:Kanom-ja-mong-kud.jpg
         คำว่า "ขนม" เข้าใจว่ามาจากคำสองคำที่มาผสมกันคือ "ข้าวหนม" และ "ข้าวนม" เข้าใจว่าเป็นข้าวผสมน้ำอ้อย น้ำตาล โดยอนุโลมคำว่าหนม แปลว่า หวาน
         ข้าวหนม ก็แปลว่า ข้าวหวาน เรียกสั้นๆ เร็วๆ ก็กลายเป็น ขนม ไป
         ส่วนที่ว่ามาจากข้าวนม (ข้าวเคล้านม) นั้นดูจะเป็นตำนานแขกโบราณ อย่างข้าวมธุปายาส (ที่นางสุชาดาทำถวายพระพุทธเจ้าเมื่อตอนตรัสรู้ก็ว่าเป็นข้าวหุงกับนม)
         คำว่า ขนม มีใช้มาหลายร้อยปียากจะสันนิฐานแน่นอนได้ เช่นเดียวกับไม่มีหลักฐานยืนยันแน่นอนว่า "ขนมไทย" เกิดขึ้นมาตั้งแต่สมัยใดเป็นครั้งแรก แต่ตามประวัติศาสตร์ไทยมีหลักฐานตอนหนึ่งว่า มีการจารึกชื่อขนมในแท่งศิลาจารึก เป็นการจารึกแบบลายแทงสมัยโบราณ ขนมที่ปรากฏคือ "ไข่กบ นกปล่อย บัวลอย อ้ายตื้อ" ถามผู้ใหญ่ดูถึงได้รู้ว่า ไข่กบ หมายถึง เม็ดแมงลัก นกปล่อย หมายถึง ลอดช่อง บัวลอย หมายถึง ข้าวตอก อ้ายตื้อ หมายถึง ข้าวเหนียว ขนมทั้งสี่ใช้น้ำกระสายอย่างเดียวกันคือ "น้ำกะทิ" โดยใช้ถ้วยใส่ขนม ซึ่งเราเรียกการเลี้ยงขนม 4 อย่างนี้ว่า "ประเพณี 4 ถ้วย" ขนมประเภทที่ใช้ข้าว (แป้ง) น้ำตาล มะพร้าว คงจะมีมาตั้งแต่สมัยสุโขทัยและกรุงศรีอยุธยาตอนต้น เพราะมีการติดต่อกับต่างประเทศ กล่าวว่าในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช มีท่านผู้หญิงของเจ้าพระยาวิชาเยนชร์บรรดาศักดิ์ "ท้าวทองกีบม้า" ทำหน้าที่เป็นผู้กำกับชาวพนักงานของหวาน ได้ประดิษฐ์คิดค้นขนมตระกูลทองเพราะมีไข่ผสมคือ ทองหยิบ ทองหยอด ทองพลุ ฝอยทอง ทองโปร่ง เป็นต้น
         

ขนมไทย...น่ากิน








วิธีทำขนมชั้น

วันเสาร์ที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2554

เม่นแคระ น่ารักสุดๆ

แกสที่น่ารัก






ที่มาของแกสบี้

          แกสบี้เป็นสัตว์เลี้ยงขนาดเล็กที่เข้ามาในเมืองไทยเมื่อหลายปีที่ผ่านมา โดยในต่างประเทศแกสบี้ถูกมนุษย์นำมาเลี้ยงสวยงามตั้งแต่ปี 1500 โดยชาวดัชต์ คือเมื่อ 500 ปี่ที่ผ่านมา ต่อมาในปี 1770 เจ้าหนูแกสบี้ก็เป็นสัตว์เลี้ยงที่ได้รับความนิยมในสหรัฐอเมริกาโดยเป็นสัตว์เลี้ยงแฟนซีที่ได้รับความนิยมมาก และยังได้รับความนิยมจนถึงปัจจุบัน
          สาเหตุที่แกสบี้เป็นสัตว์เลี้ยงที่ครองใจผู้เลี้ยงได้อย่างมากคือความที่แกสบี้มีขนาดพอเหมาะสำหรับคนเลี้ยงทุกเพศทุกวัย ตั้งแต่เด็กอายุ 5 ขวบไปจนถึงผู้ใหญ่ มีน้ำหนักเมื่อโตเต็มที่ประมาณ 0.8-1.5 กิโลกรัม ซึ่งทำให้ง่ายในการดูแลและนำไปด้วยได้ง่าย ตลอดจนแกสบี้เป็นสัตว์เลี้ยงที่เชื่องคุ้นเคยกับเจ้าของได้ง่าย มีความสุภาพไม่กัดเจ้าของเหมือนสัตว์เลี้ยงอื่นๆ เช่นแฮมสเตอร์หรือเฟอร์เรท ไม่ปีนป่ายกระโดดหรือกัดแทะข้าวของเครื่องใช้ให้ได้รับความเสียหายทำให้เราสามารถ จัดหาที่อยู่ให้กับแกสบี้ได้ง่ายราคาไม่สูงเหมือนสัตว์ประเภทอื่นๆซึ่งถ้าจะประเมินความน่าเลี้ยงของแกสบี้แล้ว ความน่าเลี้ยงจะจัดอยู่ในเกณฑ์ A+ ทีเดียว ผู้ใดได้เลี้ยงแล้วจะหลงใหลในความน่ารักของมันมาก จนไม่อยากเปลี่ยนไปเลี้ยงสัตว์อื่นๆ อีกเลย
          แกสบี้มีชื่อเรียกกันทั่วโลกว่ากินนี่พิก (Guinea Pig) ถ้าท่านใดเล่น Internet สามารถ Search หาคำว่า Guinea pig และหาข้อมูลต่างๆ ได้อย่างไม่จำกัด คำว่า Guinea pig ถ้าเปิดใน Dictionary จะแปลว่าหนูตะเภา ซึ่งจริงๆแล้วแกสบี้คือหนูในตระกูลเดียวกับหนูตะเภา แต่ได้รับการพัฒนาสายพันธุ์มานับร้อยๆปี ในต่างประเทศ (ในประเทศไทยไม่มีการพัฒนาสายพันธุ์หนูตะเภา) ทำให้แกสบี้มีความสวยงามแตกต่างไปจากหนูตะเภาโดยสิ้นเชิง ดังนั้นในช่วงที่แกสบี้ในเมืองไทยบูมมากๆ มีผู้เพาะเลี้ยงที่ไม่มีจรรยาบรรณนำหนูแกสบี้มีผสมกับหนูตะเภาออกมาขายหลอกผู้เลี้ยงทำให้ผู้เลี้ยงบางคนเข้าใจผิดไปว่าหนูที่เห็นเป็นแกสบี้สายพันธุ์แท้ปัจจุบันยังมีแกสบี้พันธุ์ผสมกับหนูตะเภาออกขายอยู่ในท้องตลาด โดยมีการพัฒนาให้มีสายเลือดของแกสบี้พันธุ์แท้ 75% หนูตะเภา 25% ซึ่งตอนที่ยังเล็กๆอยู่ผู้ที่ไม่ชำนาญจะดูได้ยาก โดยจะขายอยู่ในระดับราคา 100 บาทถึงหนึ่งพันบาทต้นๆ พวกหนูพันธุ์ผสมเมื่อโตขึ้นจะแสดงลักษณะที่ไม่ดีออกมาเรื่อยๆ ถ้าหลงเชื่อซื้อไปสัตว์เลี้ยงที่ท่านได้รับก็คือหนูตะเภา มูลค่า 100 บาทในอนาคต ส่วนราคาลูกหนูพันธุ์แท้จะมีราคาอยู่ราย 1,200 บาทขึ้นไปถึง 3,800 บาท
         สำหรับชื่อเรียกของแกสบี้คือ Guinea Pigs ในต่างประเทศก็มักมีชื่อเรียกในแต่ละประเทศ โดยในประเทศไทยชื่อที่เป็นที่ยอมรับคือ “แกสบี้” ไม่ว่าวงการสัตว์เลี้ยง สัตวแพทย์ สื่อสารมวลชน ถ้าบอกว่าแกสบี้ก็จะเป็นที่เข้าใจตรงกัน สำหรับประเทศต่างๆ มีชื่อเรียกดังนี้ ประเทศญี่ปุ่น เรียกว่า “Moru-Motto” ประเทศสวีเดน เรียกว่า “Marsvin” ประเทศฟิลิปปินส์ เรียกว่า “Costa” เป็นต้น เช่นเดียวกับชื่อว่า “แกสบี้” ในประเทศไทยก็จัดว่าเป็น “Local Name” ที่เข้าใจตรงกันทุกวงการ สำหรับในปี 2010 แกสบี้ในประเทศไทยยังคงเดินหน้าเป็นสัตว์เลี้ยงขนาดเล็กที่ยังหาคู่แข่งได้ยากมาก และนับวันจะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น ในอังกฤษและอเมริกามีการจัดตั้งชมรมผู้รักแกสบี้มากมาย มีการประกวดแข่งขันกันทุกสัปดาห์ ทำให้เกิดธุรกิจต่อเนื่อง เช่น อาหาร อุปกรณ์การเลี้ยง หนังสือ และของที่ระลึกเกี่ยวกับสัตว์ตัวนี้มากมาย

วิธีดูเพศแฮมสเตอร์



เพศผู้ สังเกตุจากอวัยวะเพศและช่องทวารจะอยู่ห่างกัน
เพศเมีย อวัยวะเพศกัช่องทวารอยู่ใกล้กัน

อาหารน้องกระต่าย

1. หญ้า
หญ้ามีหลายชนิด ที่หาง่ายได้ทั่วไปก็คือ หญ้าขน สามารถจะไปตัดได้จากข้างทาง ลักษณะหญ้าขนก็คือ หญ้าที่เป็นขนๆ นั่นหละ นอกจากหญ้าขนแล้วก็จะมีหญ้าอีกหลายๆชนิดที่มีจำหน่ายทั่วไปตามท้องตลาด เช่น หญ้า timothy หญ้า แพงโกล่า และ หญ้า อัลฟาฟ่าค่ะ โดยที่หญ้าแต่ละชนิดจะมีสารอาหารไม่เหมือนกัน หญ้าอัลฟาฟ่า จะมีโปรตีน และ แคลเซี่ยมสูงที่สุด เหมาะสำหรับกระต่ายที่กำลังเจริญเติบโต ที่อายุไม่ถึง 1 ปี หรือกระต่ายที่กำลังอุ้มท้องค่ะ ส่วนหญ้าอื่นๆ ก็ควรจะให้ เพราะว่า มีกากใย หรือไฟเบอร์สูง ซึ่งจำเป็นต่อระบบย่อยอาหารของสัตว์กินพืช อย่างกระต่าย 2. อาหารเม็ด
อาหารเม็ดสำหรับกระต่ายมีหลายยี่ห้อ ควรจะเลือกที่อายุไม่เกิน 6 เดือน การกินอาหารเม็ดมากเกินไป จะทำให้กระต่ายอ้วน และไม่แข็งแรงค่ะ ด้วยเหตุนี้เอง เมื่อกระต่ายอายุเกิน 7 เดือน เราควรจะเริ่มจำกัดอาหารเม็ด อย่าให้กินมากเกินไป เวลาเลือกอาหารเม็ดควรจะเลือกที่ มีโปรตีน และกากใยสูง และเลือกที่ไขมันไม่สูง โดยทั่วไปจะนิยมให้อาหารเม็ดวันละ 2ครั้งคือเช้าและเย็น

3.ผักและผลไม้
เมื่อกระต่ายอายุน้อยๆ คืออายุต่ำกว่า 3 เดือนยังไม่ควรให้ผักผลไม้ โดยเฉพาะผักที่มีน้ำมาก เพราะจะทำให้ท้องเสีย ซึ่งภาวะท้องเสีย สำหรับกระต่ายนั้น ถือว่าอันตรายมาก เพราะว่ากระต่ายจะเสียน้ำและมีตายในเวลารวดเร็ว หลังจากกระต่ายอายุเกิน 3 เดือน เราสามารถจะเริ่มให้ผักผลไม้ได้ แต่ว่าควรจะค่อยๆให้แค่น้อยๆ ให้กระต่ายปรับตัวก่อน ผักที่กระต่ายกินได้ ก็เช่น แครอท บร็อคเคอรี่ ผักชีฝรั่ง เป็นต้น


 


4. ขนม
ขนม หรือที่ฝรั่งนิยมเรียกเก๋ๆ ว่า Treat นั้น สามารถจะให้ได้ค่ะ แต่ว่าไม่ควรให้บ่อยเกินไป ไม่ใช่ว่าให้กินขนมเป็นอาหารหลัก แบบนี้ไม่ถูกต้อง

5. น้ำ
น้ำเป็นสิ่งจำเป็น เราต้องมีน้ำสะอาดไว้ในกรงให้กระต่ายกินได้ตลอดเวลา นอกจากนี้ เราควรจะใช้กระบอกน้ำ เพื่อสุขภาพอนามัยที่ดี

เก่งอินเตอร์เน็ต